HealthUP |
---|
** กรุณาดูวีดีโอให้จบ เพื่อประโยชน์กับตัวท่านเอง ** | ||
---|---|---|
| > งานวิจัยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน Th17 เพิ่มขึ้น 500% |
> ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ > ทานร่วมกับยาต้านไวรัสได้ > ป้องกันการเป็นโรคฉวยโอกาส |
ประสพการณ์ของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ |
---|
Review ผลการใช้ผลิตภัณฑ์ | |
---|---|
|
|
|
เกี่ยวกับงานวิจัย
เป็นชื่อที่นักวิจัยใช้เรียกสูตรที่เกิดขึ้นจากงานวิจัยของคณะวิจัย APCO ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี และได้ค้นพบว่า การสร้างภูมิคุ้มกันที่สมดุลเป็นมิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ จึงได้ผลิตสูตรสารสกัดจากธรรมชาติสำหรับแก้ไขปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นจากภูมิคุ้มกันที่ไม่สมดุล รวมทั้งปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ (มังคุด,งาดำ,ถั่วเหลือง,ฝรั่ง และใบบัวบก) "สรุปผลการวิจัย" การทดสอบสูตรของนักวิจัย Operation BIM 4 แคปซูล/วัน ในกลุ่มผู้ติดเชื้อ HIV 29 ราย ที่ใช้ยาต้านไวรัสที่โรงพยาบาลแม่ออน พบว่า ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพดีขึ้นทุกราย โดยการมี CD4 เพิ่มขึ้นในเวลา 3 เดือน ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่สารภีและที่ดอยสะเก็ด 22 ราย มี CD4 เพิ่มขึ้นทุกคนใน 3 เดือน ในรายที่ติดเชื้อวัณโรคและปอดบวมอาการหายไปในเวลาที่รวดเร็ว ในกลุ่มเด็กติดเชื้อที่บ้านแกร์ด้า จ.ลพบุรี ที่ใช้ยาต้านไวรัสอยู่แล้ว 70 ราย ทุกราย มี CD4 เพิ่มขึ้น อาการของโรคแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อรา แบคทีเรียหายไป รายที่เป็นมะเร็งตับก็มีคุณภาพชีวิตปกติมาต่อเนื่อง ประสิทธิภาพในการเพิ่มคุณภาพชีวิตของสูตรของนักวิจัย Operation BIM เกิดจากการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว Th1, Th9 , Th17 ซึ่งต่างก็คือ CD4 แล้ว CD4 ที่เพิ่มขึ้นไปเพิ่มอนุภาพของ T เซลล์พิฆาต ในการกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อ HIV ผลรวมคือ CD4 เพิ่มขึ้น และจำนวน HIV ลดลง" |
---|
|
งานวิจัยเพื่อผู้ติดเชื้อ HIV ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ |
---|
"นวัตกรรมแห่งชาติไทย"
งานวิจัย APCO เพื่อผู้ติดเชื้อHIV ได้รับการรับรอง ให้เป็น นวัตกรรมแห่งชาติไทย โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ |
|
---|---|
|
|
เอดส์
เอดส์ มาจากภาษาอังกฤษว่า AIDS ซึ่งย่อมาจากคำเต็มว่า acquired immunodeficiency syndrome รวมแปลว่า กลุ่มอาการภูมิคุ้มกันเสื่อม เป็นกลุ่มอาการของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอชไอวี เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย เสื่อมหรือบกพร่องลง เป็นผลทำให้เป็นโรคติดเชื้อหรือเป็นมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนปกติ อาการมักจะรุนแรง เรื้อรัง และเสียชีวิตในที่สุด อาการ เชื้อเอชไอวีทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซท์ ที่มีชื่อว่า CD4 เมื่อเม็ดเลือดขาวชนิดนี้ต่ำลง จะทำให้ร่างกายขาดภูมิคุ้มกัน และเกิดอาการของโรคติดเชื้อฉวยโอกาสแทรกซ้อนในที่สุด ภายหลังการได้รับเชื้อ ร่างกายต้องใช้เวลาในการสร้างปฏิกิริยาตอบสนองต่อเชื้อ ในปัจจุบันในการวินิจฉัยว่าติดเชื้อหรือไม่ เราไม่ได้ตรวจหาเชื้อโดยตรง แต่เป็นการตรวจว่าร่างกายเรามีปฏิกิริยาต่อเชื้อหรือไม่ โดยการตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวี (Anti-HIV antibody) ซึ่งการตรวจดังกล่าวอาจให้ผลลบได้ในกรณีที่ได้รับเชื้อมาใหม่ ๆ เนื่องจากร่างกายยังไม่ได้สร้างปฏิกิริยาตอบสนอง ภายหลังการรับเชื้อบางรายอาจไม่มีอาการใด ๆ เลย บางรายอาจมีอาการเหมือนการติดเชื้อไวรัสทั่ว ๆ ไป เช่น มีไข้ ผื่นตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ อาการมักกินเวลาสั้น ๆ และหายไปได้เอง หลังจากนั้นผู้ป่วยจะไม่มีอาการใด ๆ เลย เชื้อไวรัสจะส่งผลให้ระดับเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่าซีดีโฟร์ลดลงอย่างช้า ๆ จนผู้ป่วยเริ่มเกิดอาการของเอชไอวีเกิดขึ้น เช่นฝ้าในปาก ผึ่นคันตามตัว น้ำหนักลด โดยส่วนใหญ่มักเกิดอาการเมื่อระดับซีดีโฟร์ต่ำกว่า 200 cell/mm3 อัตราเฉลี่ยของประเทศไทยตั้งแต่รับเชื้อจนเริ่มป่วยใช้เวลา 7-10 ปี ในช่วงที่เรามีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายแต่ไม่ป่วยเพราะเรายังมีภูมิคุ้มกันที่ยังควบคุม หรือจัดการกับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้ เรียกว่า เป็นผู้ติดเชื้อ และเมื่อภูมิคุ้มกันถูกทำลายเหลือจำนวนน้อย จนไม่สามารถควบคุม หรือจัดการกับเชื้อโรคบางอย่างได้ทำให้เราป่วยด้วยเชื้อโรคนั้น ๆ เรียกว่าเราเริ่มมี ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นผู้ป่วยเอดส์ โรคที่เราป่วยเนื่องจากภาวะภูมิบกพร่อง เรียกว่า โรคฉวยโอกาส ระบบการแบ่งระยะเอดส์ ระยะที่ 1: การติดเชื้อเอชไอวี ไม่มีอาการ ไม่จัดเป็นโรคเอดส์ หลังการมีมีเพศสัมพันธุ์ 3-4เดือน จะเข้าข่ายเฝ้าระวัง เริ่มแสดงอาการมีไข้ร้อนๆหนาวๆ ระยะที่ 2: มีการแสดงออกทางเยื่อบุเมือก และการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบนเป็นซ้ำ (Recurrent) ระยะที่ 3: นับรวมเอาอาการท้องเสียเรื้อรังนานกว่าหนึ่งเดือนที่ไม่มีคำอธิบาย การติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง วัณโรคปอด งูสวัด เชื้อรา ปอดอักเสบ ระยะที่ 4: นับรวมเอาการติดเชื้อทอกโซพลาสมาในสมอง การติดเชื้อราแคนดิดาในหลอดอาหาร หลอดลม หรือปอด และเนื้องอกคาโปซี โรคเหล่านี้บ่งชี้ถึงเอดส์ |
---|